พญ.ลลิตา เตือนคนรุ่นใหม่ ไม่รับปริญญาอาจถูกไม่รับเข้าทำงาน

พญ.ลลิตา เตือนคนรุ่นใหม่ ไม่รับปริญญาอาจถูกไม่รับเข้าทำงาน

พญ.ลลิตา เตือนคนรุ่นใหม่ เผยบทสนทนากับเพื่อนเจ้าของกิจการ ฝากลูกหลานคิดให้ดี ไม่รับปริญญา อาจถูกไม่รับเข้าทำงาน วันนี้ (14 ม.ค.65) พญ.ลลิตา ธีระสิริ หนึ่งในผู้ก่อตั้งศูนย์ธรรมชาติบำบัดบัลวี และนักเขียนเจ้าของผลงานหนังสือด้านสุขภาพหลายเล่ม ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการไม่เข้ารับปริญญาาของบรรดาาบัณฑิตจบใหม่ที่กำลงัเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้ โดยข้อความในโพสต์ของแพทย์หญิงระบุว่า

เมื่อ 50 ปีก่อน กึ่งศตวรรษมาแล้ว สมัยฉันรับปริญญามีเพื่อน 2 คนปฏิเสธไม่เข้าร่วมพิธี 

โดยอ้างว่าต่อต้านศักดินา แต่คนหนึ่งถูกแม่ด่าหนัก เลยกลับใจเข้ารับปริญญาในวินาทีสุดท้าย ไปเช่าครุยได้ครุยเก่า ๆ ยับย่นมาใส่ เพราะคนอื่นเช่าชุดดี ๆ ไปหมดแล้ว ซึ่งเขาก็พอใจที่ยังได้แสดงออกว่าต่อต้านศักดินาจากครุยยับ ๆ อันนั้น

ต่อมาเพื่อนคนนั้นกลายเป็นอาจารย์ ฉันไม่รู้หรอกว่าเชามีอิทธิพลต่อความคิดเด็กรุ่นใหม่อย่างไร ก๊อ สมัยเขารับปริญญา ไม่มีเพื่อนคนไหนฟังเขาสักคนเรื่องต่อต้านการรับปริญญา ไม่มีใครเข้าใจคำว่าศักดินาด้วยซ้ำ แต่อย่าเข้าใจผิดนะคะ เพื่อนคนนี้ไม่ได้อยู่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ออกแถลงการณ์ครึกโครมต่อต้านการพระราชทานปริญญาในขณะนี้ ยุคสมัยก้าวไปข้างหน้า สังคมเปลี่ยน ศักดินาตามคำจำกัดความเก่าก็เปลี่ยนไป ไม่เช่นนั้นก็จะอยู่ไม่ได้

ใครก็ตามที่ติดกับกงล้อประวัติศาสตร์ก็จะตกยุคเช่นเดียวกัน จะกระซิบบอกให้ว่า เพื่อนกันที่เป็นเจ้าของกิจการเริ่มพูดกันว่า ถ้าคนรุ่นใหม่มาสมัครงาน ต้องขอดูมือถือก่อนละ และใครไม่รับปริญญาก็จะไม่รับเข้าทำงาน เพราะถ้ารับมาอยู่ในองค์กรแล้วน่าจะมีปัญหามากกว่า คิดดี ๆ นะลูกหลานเอ๋ย ศักดินาคืออะไร อนาคตเป็นของเราเอง อย่าตกเป็นเหยื่อของใคร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเงื่อนไข และรายละเอียดว่าจะได้รับตัววงเงินสิทธิ์เท่าใดนั้น ต้องให้คณะกรรมการกลั่นกรองเคาะอนุมัติวงเงินก่อน จากนั้นก็จะจัดทำแนวทางแล้วนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง

วงเงินที่จะนำมาใช้จ่ายในโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 จะนำมาจาก พ.ร.ก.เงินกู้ฉุกเฉิน 5 แสนล้านบาท ที่ถูกจัดไว้เพื่อใช้ในการดูแลเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และก่อนหน้านี้ โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 ยังมียอดใช้จ่ายไม่เต็มจำนวน โดยเหลือวงเงินที่ส่งคืนรัฐอีกประมาณ 1 หมื่นล้านบาท

“ทั้งนี้ โครงการคนละครึ่งเฟส 4 นี้ ครอบคลุมกลุ่มคนที่มีแอปเป๋าตังค์และผู้ที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการใหม่ รวมทั้งโครงการอื่นที่ดูแลกลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษควบคู่ไปพร้อมกัน โดยจะมีส่วนในการลดภาระของประชาชน ช่วยกระตุ้นให้เกิดการบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว”

พระลากรถเข็น จนเป็นไวรัล ชาวเน็ตตาดี ไม่ใช่ของธรรมดา

ไวรัล พระลากรถเข็น กำลังเดิน บิณฑบาต ดูเผินๆ ไม่มีอะไร พอตั้งใจเพ่งเท่านั้นรู้เลยของแพง ก่อนมีคนช่วยแจงความจริงอีกด้าน ไวรัล พระลากรถเข็น นี้ เผยแพร่โดยเฟซบุ๊ก เก่ง ซอยตัน ซึ่งได้โพสต์ภาพพระสงฆ์รูปหนึ่งขณะที่บิณฑบาต ลงในกลุ่มเฟซบุ๊กที่ชื่อ จุดกางเต็นท์ เมื่อวานนี้ (13 ม.ค.65) โดยในภาพจะเห็นพระสงฆ์รูปหนึ่งกำลังลากจูงรถเข็นสีดำคันเล็ก โดยเจ้าของโพสต์ระบุข้อความว่า “ช่วยได้เยอะ”

อย่างไรก็ตาม มีชาวเน็ตตาดี สังเกตที่รถเข็นคันเล็กๆนั้น แต่มีบางอย่างที่ไมเล็กเหมือนรถคันจิ๋ว นั่นก็คือ ราคาของมันนั่นเอง โดย รถที่หลวงพ่อลากอยู่ เป็นรถเข็นอเนกประสงค์ Coleman Outdoor Wagon อุปกรณ์ของสายแคมปิ้งที่กำลังเป็นที่นิยม สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 4,000 บาทเป็นอย่างต่ำ

สรรพคุณของเจ้ารถเข็นตนี้ เป็นรถเข็นสไตล์ญี่ปุ่น แกร่งทนทาน ใช้งานง่าย ยกของไปไหนก็สะดวก เบาแรง ไม่เสียเวลา ไปกับคุณได้ทุกที่ ปลอดภัยด้วยที่ล็อกล้อ สามารถยึดกับที่ได้ เหมาะสำหรับการทุ่นแรงในการท่องเที่ยว ซึ่งคนที่ใช้ส่วนใหญ่คือนักท่องเที่ยวสายแคมป์ อย่างไรก็ตาม ก็มีคนมาชี้แจงว่า ของที่พระสงฆ์รูปนี้ใช้นั้น ท่านไม่ได้ซื้อเอง แต่มีประชาชนที่มีจิตศรัทธาถวายให้ เพราะท่านชรามากแล้ว ที่สำคัญคือ คนที่ซื้อให้เขารวยครับ

ลงทะเบียนเรียนข้ามสถาบัน แบบรายวิชา เป็นจริง อธิการบดี 25 มหาวิทยาลัย ลงนามในบันทึกความเข้าใจ ข้อดีคือ  นักศึกษาสามารถลงทะเบียนเรียนรายวิชาข้ามสถาบันและสามารถใช้หน่วยกิตของรายวิชาดังกล่าวให้เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยกิตในหลักสูตรที่นักศึกษากำลังศึกษาได้

วันนี้ 13 ม.ค. 65 ที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) มีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจการลงทะเบียนเรียนข้ามสถาบันระหว่างสถาบันสมาชิกของที่ประชุมคณะผู้บริหารบัณฑิตศึกษามหาวิทยาลัยของรัฐและมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ (ทคบร.) โดยมีอธิการบดีมหาวิทยาลัยของรัฐและมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ 25 สถาบันเข้าร่วม มี ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัด อว. เป็นประธาน และ ศ.ดร.พญ.พัชรีย์ เลิศฤทธิ์ ประธาน ทคบร.และคณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นพยานลงนาม

ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ เปิดเผยว่า อว. มีภารกิจหลักสำคัญ 3 ด้าน คือ การสร้างคน สร้างองค์ความรู้ และสร้างนวัตกรรม ภายในระยะเวลา 2 ปีเศษหลังการจัดตั้งกระทรวง อว.ได้พัฒนากลไกใหม่ๆ เพื่อปลดล็อคปัญหาและอุปสรรคที่เคยเป็นมาของมหาวิทยาลัยให้ได้มากที่สุด อาทิ การจัดกลุ่มมหาวิทยาลัย เพื่อความเป็นเลิศของแต่ละแห่ง การปลดล็อคระยะเวลาสูงสุดในการศึกษาเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต การพัฒนาเส้นทางความก้าวหน้าของอาจารย์ โดยเพิ่ม 5 ช่องทางในการเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการ เป็นต้น

Credit : christianlouboutinboots.net clubtrigone.net communarium.net daikokunet.com deadoramerican.com diygiantrobots.net donovanandwatkins.com dribne.net edpillsonline.net enigmaimagedesign.com