ชัยวุฒิ เดินหน้าลุยยื่นจดหมายคัดค้าน หลังที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ มีมติ แบนบุหรี่ไฟฟ้า ชี้มีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่มวน นาย ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส ได้ออกมากล่าวถึงการประชุม คณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติในการประชุมเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา
ว่าที่ประชุมมี มติห้ามนำเข้าและขายบุหรี่ไฟฟ้าทุกรูปแบบในประเทศไทย
ซึ่งจริงๆ ก็มีกฎหมายห้ามอยู่แล้ว ขณะนี้คณะกรรมการก็มีมติแบนบุหรี่ไฟฟ้า ห้ามนำเข้าห้ามจำหน่ายในประเทศด้วยเหตุผลที่ป้องกันไม่ให้เยาวชนหรือพี่น้องประชาชนเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งทางกระทรวงดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคมได้ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด พร้อมกับมีหน้าที่ในการส่งเสริมให้ประชาชนได้ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่และดิจิทัลในการใช้ชีวิต ในการทำธุรกิจ และพบว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีการขายออนไลน์จำนวนมาก
กระทรวงดีอีเอสได้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ปัญหาการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ พบว่ามีการใช้อย่างแพร่หลายมากเพราะประชาชนจำนวนหนึ่งมีความเชื่อว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าการสูบบุหรี่มวนหรือบุหรี่จริง และมีผลการศึกษาจากต่างประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ในยุโรปหลายประเทศ รวมทั้งประเทศที่เจริญแล้วกว่า 70 ประเทศ ศึกษาและยอมรับให้มีการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในประเทศนั้นได้ ซึ่งก็กลายเป็นสร้างปัญหา สร้างเงื่อนไขที่ทำให้การลักลอบการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านระบบออนไลน์อย่างแพร่หลาย ซึ่งกระทรวงฯ ก็ไม่สามารถปิดกั้นได้ มีการลักลอบ มีการเรียกร้องเงินใต้โต๊ะเป็นผลประโยชน์มหาศาล ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง หากทำให้ถูกกฎหมายและเก็บภาษีให้ถูกต้อง นี่จึงเป็นประเด็นแรกที่ รมว.ดิจิทัลฯ ได้ทำหนังสือคัดค้านไป
นายชัยวุฒิ ยังระบุอีกว่า ตนคิดว่าคณะกรรมการยาสูบแบนบุหรี่ไฟฟ้าโดยอาจไม่ได้ฟังความเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องหรือข้อมูลทางวิชาการเป็นมติที่ไม่ชอบ ควรจะมีการศึกษาอย่างรอบด้าน รับฟังความเห็นของผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย นำข้อมูลวิชาการของประเทศที่เปิดให้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าได้ เอามาร่วมพิจารณาด้วยในการศึกษา หากห้าม 100% คงไม่ใช่ทางออกของบริบทในสังคม แล้วก็ทำให้ประชาชนที่อยากจะมีทางเลือกในการใช้บุหรี่ไฟฟ้า ที่มีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่มวน ก็ไปจำกัดสิทธิของประชาชนกลุ่มดังกล่าวด้วย
เพราะวันนี้หลายประเทศยอมรับแล้วว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่าการสูบบุหรี่จริง มีสารพิษน้อยกว่า ซึ่งอันนี้จะไปจำกัดสิทธิ จำกัดทางเลือกของพี่น้องประชาชนที่ไม่สามารถหยุดสูบบุหรี่ได้ แล้วที่สำคัญจะไปอ้างว่าป้องกันเยาวชนและคนรุ่นใหม่เข้ามาสุบบุหรี่ คิดว่าไม่ถูกต้อง เพราะปัจจุบันเยาวชนคนรุ่นใหม่ ถ้าอยากสูบบุหรี่ก็ไปซื้อบุหรี่จริงอยู่แล้ว ซึ่งก็ไม่ได้ห้ามอะไรอยู่ดี จริงๆ ควรจะทำให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกต้องและก็เข้าไปอยู่ในระบบอยู่ในเกณฑ์เดียวกับบุหรี่จริง มีการควบคุมการโฆษณา ห้ามโฆษณา ห้ามจำหน่ายออนไลน์ อาจจะดีกว่าการที่ผลักให้ไปอยู่ใต้ดินที่ผิดกฎหมายและก็ลักลอบขายออนไลน์กันทั่วไปในปัจจุบัน
ซึ่งอันนี้ระบบของเราไม่สามารถปิดกั้นหรือเทกดาวน์ได้ทั้งหมด วิธีเดียวที่ดีที่สุดก็คือ รับฟังความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้อง เปิดโอกาสให้บุหรี่ไฟฟ้าได้เข้ามามีความส่วนแสดงความคิดเห็นให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับคณะกรรมการ หาทางออกร่วมกันที่ทำให้บุหรี่ไฟฟ้าสามารถมีที่ยืนในสังคมไทย เพื่อภาครัฐจะได้ควบคุมและใช้ประโยชน์ ดีกว่าไปผลักไปสร้างปัญหาอื่นๆ ตามมา ดังนั้น จึงได้ทำหนังสือไปถึงคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ เพื่อให้ทบทวนมติการห้ามจำหน่าย และห้ามนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าทั้งหมด
‘ประยุทธ์’ มั่นใจคุม สถานการณ์โควิด ได้ ชี้ยอดผู้ป่วยลดลง
โฆษกสำนักนายกฯ เผย ประยุทธ์ มั่นใจคุม สถานการณ์โควิด ได้ หลังยอดผู้ป่วยเริ่มลดลง ย้ำเตือนยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการเคร่งครัด นาย ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด – 19 ในประเทศอย่างใกล้ชิด มั่นใจสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้
ทั้งนี้ จากการประเมินสถานการณ์ช่วงเฝ้าระวังหลังเทศกาลสงกรานต์มาแล้วประมาณสองสัปดาห์ เริ่มเห็นสัญญาณจากสถิติต่าง ๆ ที่ชี้ว่าโควิด-19 ของไทยหลายพื้นที่จะเข้าสู่ในช่วงขาลง ยอดผู้ติดเชื้อลดลง และยอดผู้เสียชีวิตค่อนข้างคงที่ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีมอบหมายหน่วยงานต่าง ๆ เตรียมความพร้อมประเมินและรับมือสถานการณ์ในทุกด้านทั้งยา เวชภัณฑ์ บุคลากร และสถานพยาบาล ในการดูแลทั้งผู้ป่วยในประเทศและเดินทางมาจากต่างประเทศ
รวมทั้งพี่น้องประชาชน ยังต้องปฏิบัติตนตามมาตรการควบคุมโรคที่ดี ยึดหลัก Universal Prevention และ Universal Vaccination รวมทั้งมาตรการป้องกันควบคุมโรคตามราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อให้สามารถเปิดประเทศขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอยู่ร่วมกับโควิดได้อย่างปลอดภัย
นอกจากนี้ ในฐานะที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศผู้ผลิตรถยนต์รายสำคัญของโลก ผมได้มอบหมายให้ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลไทย ได้เดินทางไปหารือกับภาคเอกชนญี่ปุ่น กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า จำนวน 5 บริษัท เพื่อเน้นย้ำนโยบายของรัฐบาล และความพร้อมของไทย ในการเป็นฐานการผลิตยานยนต์ที่เข้มแข็งและมีศักยภาพ โดยมีการออกมาตรการส่งเสริมการผลิตและการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร รวมทั้งระบบนิเวศของยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งเรื่องแบตเตอรี่ การรีไซเคิลแบตเตอรี่ ชิ้นส่วนต่างๆ และสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า
ซึ่งการทำงานร่วมกันของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ของทั้งสองประเทศหลังจากนี้ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันให้ไทยสามารถเปลี่ยนผ่านประเทศ ไปสู่การเป็น “ผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า” ในภูมิภาค และเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าอันดับต้นๆ ของโลก รวมทั้งบรรลุนโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น อีกด้วย
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป